หลักเกณฑ์การให้กู้ยืมเงินของกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
ตาม “ประกาศคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา”
เรื่อง “หลักเกณฑ์เกี่ยวกับผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์และคุณสมบัติของผู้กู้ยืมเงิน พ.ศ.๒๕๔๔” นักเรียน/นักศึกษาผู้มีสิทธิขอกู้ยืมเงินจากกองทุนฯ ผู้กู้
รายใหม่ และรายเก่า (ต่อเนื่อง) นอกจากเป็นผู้มี “สัญชาติไทย” จะต้องอยู่ในหลักเกณฑ์และต้องมีคุณสมบัติต่อไปนี้
๑.เป็นผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หมายความว่า มีรายได้ครอบครัวไม่เกิน ๑๕๐,๐๐๐ บาทต่อปี
(ยกเว้น ผู้ขอกู้ยืมรายเก่าตั้งแต่ปีการศึกษา …….. ย้อนหลังไปจะต้องมีรายได้ต่อครอบครัวไม่เกิน ๓๐๐,๐๐๐บาทต่อปี ) รายได้ต่อครอบครัว ดังกล่าวพิจารณาตามหลักเกณฑ์ข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
(๑) รายได้รวมของนักเรียน/นักศึกษา ผู้ขอกู้ยืม รวมรายได้ของบิดาและมารดา ในกรณีที่บิดามารดาเป็นผู้ใช้อำนาจปกครอง
(๒) รายได้รวมของนักเรียน/นักศึกษา ผู้ขอกู้ยืม รวมกับรายได้ของผู้ปกครอง ในกรณีที่ผู้ใช้อำนาจปกครองมิใช่บิดามารดา
(๓) รายได้รวมของนักเรียน/นักศึกษา ผู้ขอกู้ยืม รวมรายได้ของคู่สมรสในกรณีที่ผู้ขอกู้ยืมได้ทำการสมรสแล้ว
๒.เป็นผู้มีผลการเรียนดีหรือผ่านเกณฑ์การวัดและประเมินผลของสถานศึกษา
๓.เป็นผู้มีความประพฤติดี ไม่ฝ่าฝืนระเบียบข้อบังคับของสถานศึกษาขั้นร้ายแรง หรือไม่เป็นผู้มีความประพฤติเสื่อมเสียเช่น หมกมุ่นในการพนัน เสพยาเสพติดให้โทษ ดื่มสุราเป็นอาจิณ หรือเที่ยวเตร่ในสถานบันเทิงเริงรมย์เป็นอาจิณ เป็นต้น
๔.เป็นผู้มีคุณสมบัติครบถ้วนตามระเบียบหรือประกาศการสอบเลือกบุคคลเข้าศึกษาในโรงเรียนหรือสถานศึกษาที่อยู่ในสังกัดการควบคุมหรือกำกับดูแลของกระทรวงศึกษาธิการกระทรวงหรือส่วนราชการอื่น ๆ ทบวงมหาวิทยาลัย รัฐวิสาหกิจ
๕.ไม่เคยเป็นผู้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีในสาขาใด ๆ มาก่อน
๖.ไม่เป็นผู้ที่ทำงานประจำในระหว่างการศึกษา
๗.ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
๘.ไม่เป็นหรือเคยเป็นผู้ได้รับโทษจำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
สำหรับผู้กู้รายเก่าที่พ้นสภาพจากสถานศึกษาหนึ่งเนื่องจากผลการเรียนเมื่อสมัครเข้าเรียนในสถานศึกษาเดิมหรือสถานศึกษาใหม่ให้สถานศึกษาที่จะรับเข้าใหม่มีอำนาจในการวินิจฉัยว่าจะกู้ยืมได้หรือไม่และพิจารณาเป็นรายๆ โดยใช้หลักเกณฑ์เดียวกับผู้กู้รายใหม่แต่ใช้วงเงินต่อเนื่อง
คุณสมบัติของผู้รับรองรายได้ ครอบครัวผู้ขอกู้ยืม มีดังต่อไปนี้
๑.เป็นข้าราชการผู้ดำรงตำแหน่งไม่ต่ำกว่าระดับ ๕ หรือเทียบเท่า หรือ
๒.หัวหน้าสถานศึกษาที่ผู้ขอกู้ยืมอยู่หรือ
๓.ผู้ปกครองท้องถิ่นระดับผู้ใหญ่บ้านขึ้นไป
เอกสาร/หลักฐานที่ใช้ประกอบการพิจารณากู้ยืมเงิน
สำเนาเอกสารต่อไปนี้
๑. เอกสารของผู้ยื่นกู้ สำเนาทะเบียนบ้าน สำเนาบัตรประชาชน
๒. เอกสารของบิดา มารดาหรือผู้ปกครอง
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาบัตรผู้เสียภาษี(ถ้ามี)
๓. เอกสารของผู้รับรองรายได้ กรณีไม่มีหนังสือรับรองเงินเดือนหรือสลิปเงินเดือน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือสำเนาบัตรข้าราชการ
๔. หนังสือรับรองเงินเดือนของบิดามารดาหรือผู้ปกครองหรือ
๕. หรือหนังสือรับรองรายได้และฐานะของบิดามารดาหรือของผู้ปกครอง
๖. หนังสือแสดงความคิดเห็นของอาจารย์แนะแนวหรืออาจารย์ที่ปรึกษา
๗.แผนผังแสดงที่ตั้งของที่อยู่อาศัยของบิดามารดาหรือผู้ปกครอง
๘.ใบแสดงผลการศึกษาในปีการศึกษาที่ผ่านมา
๙. ในกรณีที่ผู้ค้ำประกันมิใช่บิดามารดาหรือผู้ปกครองต้องแนบเอกสารของผู้ค้ำประกันดังนี้
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาบัตรผู้เสียภาษี(ถ้ามี)
๑๐. สำเนาเอกสารทุกฉบับต้องลงลายมือชื่อรับรองสำเนาถูกต้อง
๑๑. เอกสารอื่นๆ ซึ่งสถานศึกษาพิจารณาเพิ่มเติม
หมายเหตุ หากมีหลักฐานตามข้อ ๔ แล้วไม่ต้องมีหลักฐานตามข้อ ๕ และหากหลักฐานไม่ครบถ้วนจะมีผลให้การพิจารณาอนุมัติกู้ยืมล่าช้า
หลักฐานประกอบการเปิดบัญชีเงินฝากออมทรัพย์
๑. หนังสือแจ้งผลการอนุมัติให้กู้ยืมจากกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
๒. บัตรประจำตัวประชาชนหรือสำเนาทะเบียนบ้านและบัตรนักเรียน
เอกสารประกอบสัญญากู้ยืม
๑. สัญญากู้ จำนวน ๒ ฉบับ
- ฉบับที่ ๑ สำหรับธนาคาร
- ฉบับที่ ๒ สำหรับผู้กู้
- ฉบับที่ ๓ ( ถ่ายสำเนาจากฉบับที่ ๒) สำหรับผู้ค้ำประกัน
๒.สำเนาสมุดผู้ฝาก
๓.สำเนาทะเบียนบ้านของผู้กู้และผู้ค้ำประกัน
๔.สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้กู้และผู้ค้ำประกัน
๕.สำเนาบัตรประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้ค้ำประกัน(ถ้ามี)
วงเงินให้กู้ยืม (ขอบเขต) ของระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย หรือเทียบเท่า
กู้ได้ไม่เกิน ๑๓,๒๐๐ บาทต่อปี
ทั้งนี้ จะพิจารณาจากค่าใช้จ่ายจริงในการศึกษารวมถึงค่าครองชีพโดยให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการพิจารณาให้กู้ยืมประจำศึกษานั้น ๆ
หมายเหตุ หลักเกณฑ์ คุณสมบัติ และขอบเขตจะประกาศให้ทราบทุก ๆ ปี โดยคณะกรรมการกองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา
การค้ำประกัน ในสัญญากู้ยืมเงินให้มีหลักเกณฑ์การค้ำประกันสัญญากู้ยืมเงิน ดังนี้
๑.บิดา มารดา หรือผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นผู้ค้ำประกัน
๒.บุคคลที่ประกอบอาชีพมีรายได้น่าเชื่อถือถือตามที่คณะกรรมการพิจารณาให้กู้ยืมประจำสถานศึกษากำหนดให้เป็นผู้ค้ำประกันได้
๓.กรณีไม่มีผู้ค้ำประกัน ให้ผู้ยืมใช้หลักทรัพย์แทน
๔.ผู้ค้ำประกันต้องมีอายุไม่ต่ำกว่า ๒๐ ปีบริบูรณ์
แนวปฏิบัติเรื่องการค้ำประกัน
๑.กรณีนักเรียน/นักศึกษา ไม่มีบิดา มารดา ให้ผู้ใช้อำนาจปกครองเป็นผู้ให้การยินยอมในการทำนิติกรรมสัญญาและผู้ค้ำประกัน “ผู้ปกครอง”ได้แก่ ผู้ปกครองตามประกาศคณะปฏิวัติ ฉบับที่ ๑๓๒ กฎกระทรวงระเบียบที่ออกกฎหมายดังกล่าว รวมทั้งประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง ผู้ปกครองนักเรียน/นักศึกษา ซึ่งหมายถึงบุคคลซึ่งรับนักเรียน/นักศึกษาไว้ในความ
ปกครอง หรืออุปการะเลี้ยงดู หรือบุคคลที่นักเรียน/นักศึกษา อาศัยอยู่
๒.กรณีคู่สมรสของผู้ค้ำประกันไม่ยินยอมลงนามให้ความยินยอมค้ำประกัน ให้ผู้ค้ำประกัน ลงนามฝ่ายเดียวได้
๓.กรณีคู่สมรสของผู้ค้ำประกันมอบอำนาจให้ผู้ค้ำประกันลงลายมือชื่อฝ่ายเดียวให้
ดำเนินการเช่นเดียวกับข้อ ๒.
๔.กรณีผู้ค้ำประกันและคู่สมรสถูกจำคุกให้ลงนามเป็นผู้ค้ำประกันได้
๕.ผู้ค้ำประกันไม่สามารถเพิกถอนการค้ำประกันได้ ในระหว่างเวลาที่ผู้กู้ยืมต้องรับผิดชอบอยู่ตามเงื่อนไขในสัญญากู้ยืมเพื่อการศึกษา
๖.ในการกู้ยืมเงินแต่ละปีการศึกษา ผู้กู้อาจเปลี่ยนแปลงผู้ค้ำประกันใหม่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องใช้ผู้ประกันคนเดิม
หน้าที่ของสถานศึกษา
๑.สถานศึกษามีหน้าที่รายงานผลการศึกษาของผู้กู้ที่กำลังศึกษาอยู่ให้ธนาคารทราบ(ตามแบบ กยศ.๑๑๐) ทุกสิ้นปีการศึกษา ( มาตรา ๕๑)
๒.ในกรณีที่ผู้กู้ยืมพ้นสภาพการเป็นนักเรียน/นักศึกษาไม่ว่าด้วยเหตุผลใด สถานศึกษาต้องแจ้งธนาคารทราบ (ตามแบบ กยศ.๑๐๙) ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่พ้นสภาพ (มาตรา ๕๑)
หน้าที่ของผู้กู้ยืม
๑.ผู้กู้ต้องแจ้งการเปลี่ยนแปลงที่อยู่ หรือสถานศึกษาให้ธนาคารทราบ ( ตามแบบ
กยศ. ๑๐๙) ภายใน ๑๕ วัน นับแต่วันที่พ้นสภาพ (มาตรา ๕๑)
๒.เมื่อผู้กู้สำเร็จการศึกษา และเข้าทำงานในสถานที่ใดต้องแจ้งที่อยู่และสถานที่ทำงาน พร้อมเงินเดือนหรือค่าจ้างให้ธนาคารทราบภายใน ๓๐ วัน นับตั้งแต่วันที่เริ่มทำงาน (มาตรา๕๓) ในกรณีที่ผู้กู้ยืมที่จบการศึกษานี้ย้ายที่อยู่หรือเปลี่ยนแปลงงาน หรือสถานที่ทำงาน หรือเปลี่ยนแปลงเงินเดือน หรือค่าจ้าง ให้ธนาคารทราบภายใน ๓๐ วัน (มาตรา๕๓)
๓.ผู้กู้ยืมที่ไม่ได้กู้ต่อเนื่องหรือไม่ได้รับการอนุมัติให้กู้ในปีถัดไปจะต้องแจ้งสถานสภาพการศึกษาให้ธนาคารทราบทุกปี ( ตามแบบ กยศ.๒๐๕)